-
ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย !!!
-
รับสมัครจำนวนจำกัด เพียง 30 แห่ง เท่านั้น
Carbon Footprint For Organization: CFO (คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร)
คือ การประเมินปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ประเมินได้ในหน่วยของปริมาณเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ประโยชน์ของการทำ CFO
นำไปสู่การวางแผนเพื่อลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เป็นการเตรียมรับมือกับมาตรการ Non-Tariff Barriers (NTBs) หรือการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีความได้เปรียบทางการค้าขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นจุดแข็งทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการสินค้าหรือคู่ค้าที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ตามหลักการ ESG (Environmental, Social, Governance) สามารถนำไปรายงานด้านความยั่งยืนได้
****************************
#carbon #footprint #CFO #CFP #ก๊าซเรือนกระจก #ESG
บริการให้คำปรึกษาในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม : 
084-323-7553
Line ID: sn_env
www.sid-enconsult.com
ขอแสดงความยินดีกับ บริษัท สิงห์ เบเวอเรช จำกัด ที่ได้รับอนุมัติขึ้นทะเบียนใช้เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) : อบก
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO)คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint for Product : CFP) จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์
บริษัท ซิดเอ็น จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ ขอขอบคุณบริษัท สิงห์ เบเวอเรช จำกัด ที่ให้ความไว้วางใจ มา ณ ที่นี้
ข้อดีของการตรวจวัดด้วยเครื่อง Ultrasonic Leak Detector
- ใช้เวลาในการหาจุดรั่วไหลได้อย่างรวดเร็ว
- ไม่ต้องหยุดการทำงานของไลน์ผลิต
- มีระยะการตรวจวัดได้ไกลในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก (ระยะ 5-8 m)
- สามารถแสดงอัตราการสูญเสียของปริมาณลมรั่วในจุดที่ตรวจวัดได้
- สามารถบันทึกภาพและแสดงรูปจุดที่เกิดการรั่วไหล
- ลดการสูญเสียพลังงานในระบบอัดอากาศ
- สามารถตรวจวัดระบบอัดอากาศ ระบบแก๊ส หรือระบบของไหลอื่นๆ ได้
บริษัท ซิดเอ็น จำกัด รับบริการตรวจวัดวิเคราะห์การรั่วไหลของระบบอัดอากาศด้วยระบบเครื่อง Ultrasonic Leak Detector สนใจบริการติดต่อ โทรศัพท์ : 02 587 3047 ,084 323 7697 โทรสาร : 02 587 3048
]]>
บริษัท ซิดเอ็น จำกัด ได้รับใบอนุญาตเลขที่ น.0136/66 รับบริการตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงาน
สนใจบริการติดต่อ โทรศัพท์ : 02 587 3047 ,084 323 7697 โทรสาร : 02 587 3048
]]>
-
โครงการ/งาน : โครงการจ้างที่ปรึกษาโครงการระบบบูรณาการข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตราย เพื่อการบริหารจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566
ปีที่ดำเนินงาน : ปีงบประมาณ 2566 (เริ่มต้น 21 ธ.ค.2565 สิ้นสุดสัญญา 17 ก.ย.2566) - ผู้ว่าจ้าง : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- ขอบเขตงาน : กรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องการเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการ บูรณาการข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตราย กับหน่วยงานภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น เพื่อจัดทำศูนย์ข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายแห่งชาติ พร้อมทั้งหาความสัมพันธ์ของข้อมูลและแหล่งข้อมูล เพื่อการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี และเพื่อการกำกับดูแลสารเคมีและวัตถุอันตรายภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลด้านสารเคมีและวัตถุอันตราย ด้านการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายหากเกิดเหตุสาธารณภัย รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้มีส่วนได้เสียให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ได้
- กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม : ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ผู้ประกอบการวัตถุอันตราย (เช่น ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ผลิตวัตถุอันตราย เป็นต้น) นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
- วัตถุประสงค์
- เพื่อบูรณาการข้อมูลจากฐานข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อการพัฒนาและ/หรือปรับปรุงฐานข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายเพื่อใช้ในการจัดเก็บและการให้บริการข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
- เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี
- เพื่อการกำกับ ดูแล สารเคมีและวัตถุอันตรายภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อการประมวลผลและแสดงผลข้อมูล สำหรับเป็นแนวทางในการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และรองรับการดำเนินการในอนาคตต่อไป
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ
- มีระบบฐานข้อมูลด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายที่เป็นปัจจุบัน
- ระบบสามารถเชื่อมโยงข้อมูลด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายของหน่วยงานที่มีความเชื่อมโยงข้อมูล กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม
- ผู้ดูแลระบบและผู้ใช้งานระบบได้รับการฝึกอบรมให้สามารถใช้งานได้ถูกต้อง
- กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีระบบประมวลผลและแสดงผลข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตราย
]]>
- โครงการ/งาน : โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ตรวจสอบเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน (ภายใต้ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและยกระดับสถานประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพในการแข่งขัน)
ภายใต้งบประมาณปี พ.ศ. 2566 - ปีที่ดำเนินงาน : ปีงบประมาณ 2566 (เริ่มต้น 21 ธ.ค.2565 สิ้นสุดสัญญา 17 ก.ย.2566)
- ผู้ว่าจ้าง : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- ขอบเขตงาน : ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ได้กำหนดบทบัญญัติที่อาจกำหนดให้ผู้ตรวจสอบเอกชนตรวจสอบหรือรับรองโรงงานหรือเครื่องจักรและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้การรับรองผลการปฏิบัติการตามกฎหมายของผู้ประกอบกิจการโรงงาน โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะออกใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองให้กับผู้ตรวจสอบเอกชนเพื่อนำไปตรวจสอบโรงงานหรือเครื่องจักร ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจสอบเอกชนควรได้รับการอบรมทบทวนหรือเพิ่มพูนความรู้ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ตรวจสอบเอกชนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาบุคคลได้เปลี่ยนเข้าสู่โลกการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัยเป็นช่องทางสำคัญในการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E - learning) เนื่องจากเป็นวิธีการที่ยืดหยุ่น สะดวก ประหยัดและสามารถลดข้อจำกัดของการอบรมในห้อง ทั้งเนื้อหา เวลา สถานที่ และจำนวนผู้เข้าร่วมอบรมสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามสมรรถนะและความสนใจ สามารถเลือกการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงเห็นว่าการใช้ระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E - learning) เป็นหนึ่งวิธีในการช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ตรวจสอบเอกชนที่มีอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม : ผู้ตรวจสอบเอกชน และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- วัตถุประสงค์
- เพื่อจัดทำระบบบริหารจัดการการเรียนรู้สำหรับผู้ตรวจสอบเอกชน
- เพื่อจัดทำหลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้ตรวจสอบเอกชน
- เพื่อจัดทำบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E - learning) ให้กับผู้ตรวจสอบเอกชน
- เพื่อพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับผู้ตรวจสอบเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ
- ระบบบริหารจัดการการเรียนรู้สำหรับผู้ตรวจสอบเอกชน จำนวน 1 ระบบ
- หลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้ตรวจสอบเอกชน จำนวน 1 หลักสูตร
]]>
บริษัท ซิดเอ็น จำกัด เข้าให้คำปรึกษาการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร ครั้งที่ 4 ณ บริษัท ไทยโปรเกรส แพคเกจจิ้ง จำกัด (10 พฤษภาคม 2567)
เกร็ดความรู้ในการทำคาร์บอนฟุตปริ้นองค์กร (CFO)
คาร์บอนฟุตปริ้น (Carbon footprint) คือ ปริมาณของก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases) ที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อม โดยโดยรวมมักจะนับเป็นเทียบเท่ากับปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงหรือการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยการวัดคาร์บอนฟุตปริ้นองค์กรจะช่วยให้องค์กรหรือบุคคลที่สนใจสามารถทราบถึงผลกระทบของกิจกรรมต่าง ๆ ต่อสภาพแวดล้อมได้ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนและดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในองค์กร อาทิเช่น การลดการใช้พลังงานหรือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตสินค้าให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การลดคาร์บอนฟุตปริ้นจะช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกและสภาพแวดล้อมทั่วโลกได้ด้วยกัน เรียนรู้แล้วใช้ประโยชน์จากข้อมูลคาร์บอนฟุตปริ้นองค์กร ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อย่างยั่งยืน
]]>ณ บริษัท ไทยโปรเกรส แพคเกจจิ้ง จำกัด จ.สมุทรสาคร
]]>
แนวคิดการออกแบบและก่อสร้างอาคารเขียวสำหรับอาคารศูนย์สำรองข้อมูลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต
อาคารศูนย์สำรองข้อมูลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 4,400 ตารางเมตร และอยู่บนพื้นที่ดินโครงการขนาด 2 ไร่ 1 งานตั้งอยู่ภายในพื้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิตเป็นอาคารที่สร้างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนงานสารสนเทศรวมถึงสนับสนุนงานบริการผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ออกแบบตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน Uptime Institute ไม่ต่ำกว่าระดับ Tier 3 ตามวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่องค์กรที่เป็นเลิศด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า ร่วมสร้างคุณค่าสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ความเป็นมาโครงการ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตั้งเป้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการใช้พลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรโลก และลดปัญหาโลกร้อน จึงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เป็นสำนักงานสีเขียวในทุกสำนักงานทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งการเป็นอาคารเขียว (Green Building) จึงได้ออกแบบและก่อสร้างอาคารศูนย์สำรองข้อมูลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิตนี้ ตามหลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย (Thai’s Ratings of Energy and Environmental Sustainability) สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ หรือ เกณฑ์ TREES-NC โดยตั้งเป้าขอรับการรับรองในระดับ Gold
ความหมายของอาคารเขียว (Green Building)
อาคารเขียว (Green Building) คืออาคารที่ได้รับการออกแบบ ก่อสร้าง การใช้งานและบำรุงรักษา จนสิ้นสุดอายุขัยของอาคาร โดยคำนึงถึงความสมดุลยระหว่าง 3 มิติแห่งความยังยืน (Triple Bottom Line) ได้แก่ สังคม (Social) สิ่งแวดล้อม (Environmental) และเศรษฐกิจ (Economics) อาคารเขียวมีแนวคิดมุ่งเน้นการใช้ทรัพยการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคาร และยังคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการลงทุน ดังนั้นการนำแนวคิดอาคารเขียวไปใช้สำหรับการออกแบบ ก่อสร้างและใช้งานอาคาร จึงเป็นส่วนนึงที่ช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร
แนวคิดการออกแบบเพื่อความยั่งยืนที่โดดเด่นของอาคารศูนย์สำรองข้อมูลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต
1. ผังบริเวณและภูมิทัศน์
โครงการฯ ตั้งอยู่บนเส้นทางที่มีรถสาธารณะผ่าน ช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวมีพื้นที่เขียวและปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ก่อให้เกิดสุนทรียภาพ ความรมรื่นและปรับปรุงระบบนิเวศน์เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังมีการใช้บล็อคหญ้าเพื่อเพิ่มการซึมน้ำฝนลดปัญหาน้ำท่วม และลดปรากฎการณ์เกาะความร้อนในเมืองจากการพัฒนาโครงการ
2. การประหยัดน้ำ
โครงการฯ เลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ โดยโถสุขภัณฑ์เป็นชนิด Dual Flush มีอัตราการใช้น้ำเพียง 6/2 ลิตร/คน และก๊อกน้ำมีอัตราการใช้น้ำเพียง 0.9 ลิตร/นาที
3. พลังงานและบรรยากาศ
โครงการฯใช้อิฐมวลเบา กระจกฉนวนกันความร้อนที่มีช่องอากาศตรงกลาง (Insulated Glass) หลอดประหยัดไฟ LED และเครื่องทำน้ำเย็นและเครื่องปรับอากาศแบบน้ำยาผันแปรประสิทธิภาพสูง (VRF) ส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 40% เมื่อคำนวณตามกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐานและวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2552
4. คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร
โครงการฯ ได้จัดให้มีการเติมอากาศบริสุทธิ์ตามมาตรฐาน ASHRAE 62.1 โดยผ่าน Dedicated Outdoor Door Air Handling System (DOAS) และใช้สี กาวและยาแนวที่มีปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายต่ำ เพื่อสุขภาพของผู้ใช้อาคาร นอกจากนี้ DOAS ยังช่วยรีดความชื้นของอากาศบริสุทธิ์ก่อนจ่ายเข้าพื้นที่ปรับอากาศทำให้ควบคุมความชื้นได้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างภาวะสบายสำหรับผู้ใช้อาคาร
5. การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการ ฯ ได้จัดให้มีห้องคัดแยกขยะเพื่อส่งเสริมกิจกรรมรีไซเคิล เพื่อลดการฝังกลบ เผาทำลายขยะและลดการนำเข้าทรัพยากรกรใหม่
6. การออกแบบตามหลักการอารยสถาปัตย์ (Universal Design)
โครงการ ฯ มีการออกแบบโดยคำนึงหลักการออกแบบหลักการออกแบบอารยสถาปัตย์ (Universal Design) เพื่อส่งเสริมการใช้พื้นที่อย่างเท่าเทียม โดยจัดให้มีทางลาดเข้าอาคารสำหรับรถเข็น มีห้องน้ำสำหรับคนพิการ และที่จอดรถเฉพาะสำหรับคนพิการ
